ภาษีมูลค่าเพิ่มร้านขายต้นไม้ …ความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า มักทำให้จิตใจของผู้พบเห็นเบิกบานได้ จึงไม่แปลกใจที่ทุกบ้านเรือนจะมีต้นไม้ประดับประดาไว้รอบบ้านอย่างรื่นรมย์ โดยสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายต้นไม้ พร้อมดินปลูก ปุ๋ย และอุปกรณ์การเกษตรอื่นๆ ที่ตั้งเรียงรายเต็มท้องถนน ให้เลือกซื้อได้อย่างครบครัน บางร้านมีบริการจัดสวนสวยภายในบ้านให้ด้วย
แต่รายได้จากการขายสินค้าเกษตรและบริการเหล่านี้ ผู้มีรายได้หรือเจ้าของร้านขายต้นไม้ มีหน้าที่ต้องเสียภาษี (อ่านข้อมูลภาษีร้านขายต้นไม้ได้ที่บทความ “เปิดร้านขายต้นไม้ต้องเสียภาษีไหม”) โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งมีสินค้าที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มและที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
กล่าวคือเมื่อมีรายได้จากสินค้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี เจ้าของร้านขายต้นไม้จะต้องขอจดทะเบียน ภาษีมูลค่าเพิ่มร้านขายต้นไม้ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ธุรกิจที่จำหน่ายพืชผลทางการเกษตรภายในประเทศ ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น
– การขายพืชผลทางการเกษตรไม่ว่าจะเป็นส่วนใดๆ ของพืช รวมถึงวัตถุพลอยได้จากพืชที่ยังมีสภาพเดิม และไม่ทำเป็นอุตสาหกรรม แต่ไม่รวมถึงไม้ซุง ฟืน หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเลื่อยไม้
– การขายปุ๋ย
– การขายยาหรือเคมีภัณฑ์สำหรับพืชหรือสัตว์
– การนำเข้าพืชผลทางการเกษตร รวมถึงวัตถุพลอยได้จากพืช การนำเข้าสัตว์ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่ ซึ่งรวมถึงวัตถุพลอยได้จากสัตว์ ด้วยเช่นกัน การนำเข้าปุ๋ย ปลาป่น อาหารสัตว์ ยา หรือเคมีภัณฑ์สำหรับพืชหรือสัตว์
โดยสามารถอธิบายแยกประเด็นภาษีมูลค่าเพิ่มร้านขายต้นไม้ สำหรับสินค้าเกษตรและบริการแต่ละประเภท ได้ดังนี้
เจาะลึก! สินค้าและบริการในร้านขายต้นไม้แบบไหน ได้รับยกเว้นหรือเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า สินค้าเกษตรและบริการในร้านขายต้นไม้ มีทั้งแบบที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มและได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มร้านขายต้นไม้ ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่มได้ดังนี้
– สินค้าเกษตรที่ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ค่าต้นไม้ ค่าปุ๋ยเคมีภัณฑ์ ปุ๋ยหมัก นำเข้าปุ๋ย แต่ต้องเป็นการขายต้นไม้ในส่วนของต้น ก้าน กิ่ง ใบ ราก เหง้า หรือขายทั้งต้นเท่านั้น กล่าวคือแม้ว่าจะมีรายได้จากขายต้นไม้และค่าปุ๋ยยาเคมีภัณฑ์เกิน 1.8 ล้านบาท ก็ไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ยกเว้นให้เฉพาะการขายต้นไม้เท่านั้น ไม่นับรวมการตัดไม้แปรรูปเป็นไม้ซีก ไม้ซุง การส่งออก เป็นต้น
– สินค้าเกษตรและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ค่าขายดินปลูกต้นไม้ และอุปกรณ์การเกษตรอื่นๆ เช่น กระถางต้นไม้ ถาดเพาะ บริการจัดสวน เป็นเงินได้ที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 (1) และ (9) แห่งประมวลรัษฎากร
ดังนั้น หากรายได้จากการขายดินปลูกต้นไม้ และอุปกรณ์การเกษตรอื่นๆ เช่น กระถางต้นไม้ ถาดเพาะ เมื่อมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มร้านขายต้นไม้ แต่ถ้ามีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี หรือมีพอดี 1.8 ล้านบาท ก็ยังคงได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม เพราะถือว่ามีรายได้ไม่เกินมูลค่าของฐานภาษีของกิจการขนาดย่อม
สินค้าในร้านขายต้นไม้ที่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่มีสิทธิ์แจ้งขอจดภาษีมูลค่าเพิ่มได้
กฎหมายกำหนดให้ธุรกิจร้านขายต้นไม้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่มีสิทธิ์แจ้งขอจดภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ซึ่งต้องเป็นเจ้าของธุรกิจร้านขายต้นไม้ที่ไม่ใช่การส่งออก หรือการให้บริการตามมาตรา 81(1) ได้แก่
– การขายพืชผลทางการเกษตร
– การขายปุ๋ย
– การขายยาหรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้สำหรับพืชหรือสัตว์
โดยจะเห็นว่าสินค้าอย่างเช่น ต้นไม้ ปุ๋ย ยาเคมีภัณฑ์ ที่ขายในร้านขายต้นไม้ แม้ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มร้านขายต้นไม้ แต่สามารถขอจดภาษีมูลค่าเพิ่มได้ ด้วยเหตุผลว่าสินค้าบางรายการในร้านขายต้นไม้ เช่น กระถางต้นไม้ ถาดเพาะกล้า และอุปกรณ์การเกษตรอื่นๆ ยังคงต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อมีรายได้ในส่วนนี้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
ดังนั้น การตัดสินใจจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของเจ้าของธุรกิจร้านต้นไม้ จะช่วยซัพพอร์ตการขายต้นไม้ให้กับลูกค้าที่เป็นนิติบุคคล ในกรณีที่ลูกค้ากลุ่มนี้ต้องการใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงิน หากเจ้าของร้านขายต้นไม้สามารถออกใบกำกับภาษีแบบถูกต้องตามที่กฎมหายกำหนดให้กับลูกค้าได้ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจในสายนี้ด้วย
โดยเจ้าของธุรกิจร้านขายต้นไม่ที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มตามกฎหมาย ที่มีความประสงค์จะจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ยื่นคำขอแจ้งใช้สิทธิ์เพื่อขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.01.1 จำนวน 1 ชุด 3 ฉบับ พร้อมกับคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ.01 ได้ทางอินเตอร์เน็ต www.rd.go.th หรือที่กองบริหารภาษีธุรกิจขนาดใหญ่ หรือสำนักงานสรรพากรสาขาต่างๆ ตามพื้นที่สาขาที่ร้านขายต้นไม้ตั้งอยู่
สรุป
แม้ว่า ณ ตอนนี้ธุรกิจร้านขายต้นไม้ของใครหลายๆ คน จะยังดำเนินกิจการได้ด้วยตัวคนเดียว รายได้ไม่สูงมาก และไม่ต้องจ้างลูกน้องเข้ามาช่วยงาน รวมถึงยังไม่มีความคิดจะจดภาษีมูลค่าเพิ่มร้านขายต้นไม้ อาจทำในนามบุคคลธรรมดาและเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาก่อนได้
แต่ในอนาคตเมื่อร้านขายต้นไม้ของคุณมีการจ้างลูกน้องเข้ามาช่วยงาน มีการจ่ายเงินเดือน หรือมีบริการจัดสวน ตัดหญ้าตัดต้นไม้ บริการส่งสินค้าถึงที่ และปลูกต้นไม้ให้กับลูกค้าถึงบ้าน โดยเฉพาะลูกค้าที่อยู่ในรูปแบบบริษัทนิติบุคคล คุณเองก็ควรจดทะเบียนบริษัทเป็นนิติบุคคล และจดภาษีมูลค่าเพิ่มร้านขายต้นไม้เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือด้วย
โดยต้องออกใบกำกับภาษีให้กับลูกค้าทุกครั้งที่มีการส่งมอบสินค้า รวมถึงต้องมีการทำรายงานรายการภาษีซื้อ ภาษีขาย สินค้าคงเหลือ และวัตถุดิบ พร้อมส่งรายงานแก่กรมสรรพากรภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป แม้ว่าเดือนนั้นๆ จะมีหรือไม่มีการซื้อขายก็ตาม
ดังนั้น ถ้าหากเจ้าของธุรกิจร้านขายต้นไม้ ตัดสินใจจดทะเบียนบริษัทเป็นนิติบุคคล และจดภาษีมูลค่าเพิ่มร้านขายต้นไม้แล้ว สามารถใช้บริการรับทำบัญชีจากสำนักงานบัญชีที่มีความน่าเชื่อถือได้ เพื่อให้ดูแลเรื่องบัญชีภาษีและนำส่งงบการเงิน ภาษีให้กับกรมสรรพากรแทนคุณ