ปัจจุบันต้องยอมรับว่าสื่อสังคมออนไลน์เข้ามามีบทบาทต่อการดำรงชีวิตอย่างมาก ทำให้เราเชื่อมต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็น YouTube TikTok Facebook Line Twitter รวมถึงสื่อสังคมออนไลน์เหล่านี้สามารถสร้างรายได้ให้ใครหลายๆ คนอีกด้วย เช่น แอพ TikTok ก็จะมี TikToker ไลฟ์สดจัดรายการ และมีแฟนคลับมากดสัญลักษณ์ส่งเป็นของขวัญให้กำลัง ซึ่งสัญลักษณ์ต่างๆ เหล่านั้นจะมีมูลค่าในตัวเอง จึงทำให้เกิดเป็นรายได้เข้ามา จนบางท่านอาจหลงลืมนำส่ง ภาษี TikTok ประจำปี กระทั่งโดนเรียกเก็บ ภาษี TikTok ย้อนหลังในที่สุด
เมื่อพอทราบแล้วว่า TikToker จะต้องนำส่งภาษี TikTok แก่กรมสรรพากร ซึ่งจะมีแนวทาง วิธีการ ขั้นตอน และกฎเกณฑ์เงื่อนไขอะไรบ้าง ลองมาศึกษาไปพร้อมๆ กันดังต่อไปนี้
เปิดรายได้นัก TikToker ว่ามาจากไหนกันบ้าง
เนื่องจากแอพ TikTok เปิดทางให้เจ้าของช่องสามารถสร้างรายได้ได้ง่ายๆ แล้วทราบหรือไม่ว่ารายได้ที่ได้รับนั้นมีแบบไหนอย่างไรกันบ้าง ตามรายละเอียดที่จะอธิบายดังต่อไปนี้
1.การได้รับของขวัญจากผู้เข้าชม ซึ่งสามารถแบ่งรายได้จากของขวัญที่ได้รับเป็น 2 แบบ คือ
1.1 เมื่อทำการไลฟ์สดแล้วมีผู้เข้าชมถูกใจในสิ่งที่ไลฟ์อยู่นั้น จึงส่งของขวัญให้เป็นสัญลักษณ์ต่างๆ เช่น อมยิ้ม ลูกโป่ง ดอกไม้ หรือหัวใจ โดยสัญลักษณ์เหล่านี้จะมีมูลค่าในตัวเอง ซึ่งแต่ละแบบจะมีมูลค่าไม่เท่ากันแยกย่อยตามราคา จึงทำให้มีรายได้จากการเก็บของขวัญเหล่านี้
เงื่อนไขสำคัญ : จะได้เงินจากการไลฟ์สดนี้ ต้องมีผู้ติดตาม 1,000 คนขึ้นไป และผู้ติดตาม (follower) ต้องมีอายุมากกว่า18 ปี จึงสามารถสร้างไลฟ์สดเพื่อพูดคุยกับผู้ติดตามของช่องตนเองได้
1.2 จัดทำคลิปวิดีโอ ซึ่งช่องทางนี้ก็ทำให้เกิดรายได้เช่นกัน หากมีคนกดส่งของขวัญให้ รายได้จากการทำคลิปวิดีโอ สามารถใช้ได้เฉพาะบัญชีทั่วไป แต่บัญชีธุรกิจทำไม่ได้
เงื่อนไขสำคัญ : TikToker สามารถใช้งานโหมดวิดีโอของขวัญได้ ก็ต่อเมื่อมีผู้ติดตาม 1 แสนคน และมีอายุมากกว่า 18 ปี รวมถึงต้องใช้ Account นี้เป็นเวลา 30 วันต่อเนื่อง
ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อมีการสะสมของขวัญครบตามจำนวนที่ทางแอพ TikTok กำหนดไว้ สามารถกดโอนเข้าสู่บัญชีของตนเองเป็นเงินสดจริงได้ ซึ่งเงินที่ถอนจากแอพ TikTok ทางแอพ TikTok ไม่มีการเรียกเก็บภาษี แต่ทุกสิ้นปีให้นำไปรวมเป็นรายได้ เพื่อชำระภาษี TikTok ให้กับทางสรรพากรด้วย
2.รายได้ในรูปแบบค่าคอมมิชชั่น ซึ่งจะได้ค่าคอมมิชชั่นก็ต่อเมื่อเพื่อนที่แนะนำเข้ามาเล่นในแอพ TikTok ตามจำนวนวันที่กำหนดเป็นเวลามากกว่า 10 นาทีต่อวัน สูงสุดคือ 14 วัน ถ้าเล่นครบจึงจะได้รับค่าแนะนำ และเมื่อถอน TikTok Rewards เข้าบัญชีตนเองแล้ว จะต้องนำไปรวมเป็นรายได้เพื่อชำระภาษีประจำปีด้วยเช่นกัน
3.TikToker ที่ผลิตและเป็นเจ้าของสินค้าเอง และมีแบรนด์สินค้าเป็นของตัวเอง สามารถใช้ TikTok ในการ
4.โปรโมต ประชาสัมพันธ์สินค้าของตัวเองได้
5.เมื่อมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จะมีการรับงานรีวิวด้วย โดยการรีวิวสินค้าให้กับแบรนด์ต่างๆ และได้รับเงินค่าสปอนเซอร์จากแบรนด์นั้นๆ ซึ่งรายได้ก็ขึ้นอยู่กับชื่อเสียง และการตลาดของแต่ละคนด้วย เช่น หากหน้าตาดีหรือดัง ก็จะมีสินค้าติดต่อเข้ามาให้รีวิวเยอะ อาจมีการตกลงกันว่า 1,000 ไลค์ ค่ารีวิว 10,000 บาท เป็นต้น
6.สามารถนำลิงก์สินค้าจากแบรนด์ดังมาโปรโมตให้ได้ แล้วได้รับเป็นค่าคอมมิชชั่นในการโปรโมตสินค้าจากแบรนด์นั้นๆ ยิ่งส่งคนไปซื้อสินค้าได้มากเท่าไร ก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นที่สูงขึ้น
7.TikToker สามารถหารายได้ได้ทั้งผู้ขายสินค้าและครีเอเตอร์ ในส่วนของผู้ขายสินค้าสามารถนำสินค้าเข้าไปวางขายใน TikTok Shop ได้เลย ส่วนครีเอเตอร์ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยการเข้าร่วมเป็นครีเอเตอร์ของ Shop Seller จะทำรายได้ได้จากการนำสินค้าของผู้ขายใน TikTok Shop เอามาแนะนำ ถ้าแนะนำได้จะได้รับค่าแนะนำ หรือคอมมิชชั่นนั่นเอง
นัก TikToker เสีย ภาษี TikTok อย่างไรบ้าง
อย่างที่ทราบแล้วว่า TikToker สามารถสร้างรายได้จากหลายช่องทางที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้น จะต้องนำรายได้ที่ได้รับทุกช่องทางมายื่นภาษีแยกตามประเภทตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งสามารถแยกตามประเภทของรายได้ที่ได้รับดังนี้
- นัก TikToker ต้องทราบว่ารายได้ที่ได้รับเกิดจากการทำอะไรบ้าง (สามารถเทียบจากข้อมูลด้านบนได้) เช่น ค่าคอมมิชชั่น ค่าจ้างทั่วไป แบบนี้เป็นต้น ซึ่งรายได้เหล่านี้จะจัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 2 [เงินได้ 40(2)] สามารถหักแบบเหมา 50% แต่เมื่อรวมหักค่าใช้จ่ายจากเงินประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 แล้ว ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- การขายของออนไลน์ ได้ของขวัญจากการไลฟ์สด ได้ของขวัญจากการทำคลิปวิดีโอ ขายสินค้าแบรนด์ตัวเอง TikTok Shop จัดเป็นเงินได้ประเภทที่ 8 [เงินได้ 40(8)] หักแบบเหมา 60% หรือหักตามจริง (ยกเว้นกรณีการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาโดยทางอื่นที่ไม่ได้มุ่งหากำไร)
นัก TikToker เสีย ภาษี TikTok ตามเงื่อนไขใดบ้าง
ส่วนใหญ่นัก TikToker จะเสียภาษีในนามบุคคลธรรมดา โดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึงหลังจากมีรายได้เข้ามา คือต้องประเมินเบื้องต้นก่อนว่ารายได้ที่ได้รับมามากน้อยแค่ไหน ซึ่งสำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผู้ที่มีรายได้รวมทั้งหมดทุกช่องทางเกิน 120,000 บาท และถ้ามีเงินได้สุทธิ 150,000 บาทขึ้นไป จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยแบบฟอร์มที่ใช้ยื่นแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ภ.ง.ด.91 ผู้มีรายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียว และ ภ.ง.ด.90 สำหรับผู้มีรายได้อื่นๆ ที่นอกเหนือจากเงินเดือน
ส่วนการยื่นภาษีให้แยกจากรายได้ที่ได้รับตามประเภทเงินได้พึงประเมิน จากนั้นนำรายได้หักลบด้วยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน จึงนำมาคูณกับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภาษีก้าวหน้า) ซึ่ง TikToker มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีประจำปีทุกปี
ข้อแนะนำ : เมื่อใดก็ตามที่ TikToker มีรายได้เข้ามาจำนวนมาก จนไม่สามารถจัดเก็บเอกสารได้ครบถ้วน ตรวจสอบรายได้ไม่ทั่วถึง ซึ่งตรงนี้ทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย และอาจโดนตรวจสอบย้อนหลังจากกรมสรรพากรด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นควรพิจารณาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล พร้อมใช้บริการรับทำบัญชีตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด เพื่อลดความผิดพลาดจากการทำบัญชีจำนวนมาก
ทั้งหมดทั้งมวลจากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น อาจจะช่วยนัก TikToker ได้ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะเรื่อง ภาษี TikTok ที่ควรคำนึงถึงว่าเรามีหน้าที่ต้องยื่นแบบเพื่อแสดงรายได้ทุกๆ ปี เพื่อลดความเสี่ยงการถูกเรียกจากกรมสรรพกร