บัญชีธุรกิจนำเที่ยว …เนื่องจากธุรกิจนำเที่ยวยากนักที่จะสามารถบริหารจัดการด้วยตัวคนเดียวได้ เพราะมีงานหลายส่วนที่ต้องรับผิดชอบ จึงต้องมีพนักงานเข้ามาช่วย และมีการแบ่งหน้าที่มอบหมายงานให้รับผิดชอบ ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องให้ความสำคัญกับระบบ บัญชีธุรกิจท่องเที่ยว เพราะการทำบัญชีจะทำให้ได้ข้อมูลงานทุกส่วนของกิจการ เป็นข้อมูลที่แสดงผลของการดำเนินงานในรอบระยะเวลาหนึ่ง เพื่อช่วยในการวางแผนงานในอนาคตได้
ทั้งนี้ ธุรกิจนำเที่ยวสามารถแบ่งตามประเภทของการให้บริการนำเที่ยวได้ 5 ประเภท คือ
1.กิจการนำเที่ยวโดยรับเฉพาะนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
2.กิจการนำเที่ยวในลักษณะที่นำนักท่องเที่ยวจากในประเทศไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศเพียงอย่างเดียว
3.กิจการนำเที่ยวภายในประเทศอย่างเดียว
4.กิจการนำเที่ยวในประเทศและต่างประเทศ
5.กิจการที่ดำเนินธุรกิจทั่วไปเกี่ยวกับการท่องเที่ยว
หรือแบ่งตามลักษณะของการประกอบธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว 3 ประเทศ
1.ตัวแทนท่องเที่ยว
2.บริษัทธุรกิจจัดนำเที่ยว
3.บริษัทที่มีความชำนาญงานในการกำหนดแผนการเดินทาง
โดยหลักการทำ บัญชีธุรกิจนำเที่ยว แต่ละประเภท จะมีหลักการพื้นฐานเหมือนกัน ซึ่งสามารถแตกประเด็นต่างๆ ในการทำ บัญชีธุรกิจนำเที่ยว ได้ดังนี้
ส่วนประกอบที่สำคัญของระบบ บัญชีธุรกิจนำเที่ยว
ส่วนประกอบของระบบบัญชีธุรกิจนำเที่ยว มีอยู่ 3 หลักการใหญ่ๆ คือ
1.กำหนดเอกสารทางการเงินที่ใช้ในการดำเนินงานธุรกิจประจำวัน และเป็นจำนวนหลายใบ มีหลักฐานทางการบัญชี เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบสำคัญสั่งจ่าย ใบกำกับสินค้า สมุดลงรายการขั้นต้น ซึ่งจำแนกได้ 2 ประเภท คือ
1.1 สมุดรายวันทั่วไป
1.2 สมุดรายวันเฉพาะ
โดยจะใช้บันทึกรายการบัญชีก่อนที่จะนำไปลงในสมุดบัญชีแยกประเภท เช่น สมุดรายวันรับเงิน สมุดรายวันจ่ายเงิน สมุดรายวันซื้อ สมุดรายวันขาย
2.ต้องกำหนดการใช้เอกสารและแบบฟอร์มต่างๆ การบันทึกบัญชีในสมุดรายวันและสมุดบัญชีแยกประเภทตามหลักการบัญชีคู่ การรับรู้รายได้ค่าใช้จ่ายตามมาตรฐานการบัญชี และกำหนดเวลาการเก็บรวบรมตัวเลขเพื่อจัดทำรายงานการเงิน (งบการเงิน)
3.ต้องมีอุปกรณ์ช่วยในการทำบัญชี เพื่อให้ปฏิบัติงานบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว เช่น คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ดีด เครื่องถ่ายเอกสาร
นอกจากนี้ส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดคือผู้ทำบัญชีจะต้องมีคุณสมบัติเป็นนักบัญชีตามที่กฎหมายกำหนด มีความรู้ด้านวิชาการบัญชีและระบบบัญชี รวมถึงประสบการณ์ทำงานกับธุรกิจนำเที่ยวด้วย
การแยกหมวดหมู่และการให้รหัสบัญชี
เนื่องจากธุรกิจนำเที่ยวมีรายละเอียดรายรับและรายจ่ายในการทำบัญชีเยอะ หากกิจการจดทะเบียนบริษัทเป็นนิติบุคคล จะต้องจัดแยกหมวดหมู่บัญชี ซึ่งหลักการโดยทั่วไปที่นิยมใช้กันคือ กำหนดให้สอดคล้องกับรายงานทางการเงินคือ งบกำไรขาดทุนและงบดุล โดยแบ่งหมวดบัญชีต่างๆ ที่สำคัญได้แก่
– หมวดสินทรัพย์
– หมวดหนี้สิน
– หมวดทุน
– หมวดรายได้
– หมวดค่าใช้จ่าย
และให้กำหนดเลขที่บัญชีต่างๆ ของบัญชีแยกประเภทตามหมวดหมู่ที่ได้แยกไว้แล้ว เพื่อประโยชน์ของการอ้างอิงเลขที่บัญชี และเพื่อความรวดเร็วในการทำบัญชี
ทั้งนี้ การกำหนดเลขที่บัญชีมีหลายแบบตามความประสงค์ของกิจการ แต่ตัวเลขทุกตัวที่กำหนดจะต้องสามารถสื่อให้ทราบเกี่ยวกับหมวดหมู่ของบัญชีในงบการเงิน ประเภทของบัญชีแยกประเภทและบัญชีแยกประเภทย่อย ดังตัวอย่างการให้หมวดหมู่และรหัสบัญชีของธุรกิจนำเที่ยว ดังนี้
หมวดหมู่ |
รหัสบัญชี |
สินทรัพย์ | 100-199 |
หนี้สิน | 200-299 |
ส่วนของผู้ถือหุ้น | 300-399 |
รายได้ | 400-499 |
ต้นทุนขาย | 500-529 |
ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร | 530-569 |
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ | 570-599 |
เอกสารประกอบการลงบัญชี
ทั้งนี้ เอกสารที่ต้องใช้ในการประกอบการลงบัญชี ได้แก่ หนังสือ บันทึก ใบเสร็จ หรือเอกสารต่างๆ ที่ใช้เพื่อเป็นหลักฐานในการลงรายการในบัญชี ซึ่งแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
– เอกสารจัดทำโดยบุคคลภายนอก
– เอกสารจัดทำโดยกิจการให้แก่บุคคลภายนอก
– เอกสารที่กิจการจัดทำเพื่อใช้ในกิจการของตนเอง
การจัดทำรายงานการเงิน
การจัดทำรายงานการเงิน เป็นการสรุปผลการปฏิบัติงานในรอบระยะเวลาที่ได้กำหนดให้ต้องทำรายงาน เพื่อแสดงการเปลี่ยนแปลงของทรัพยากรที่ธุรกิจถือครองอยู่ และไว้แสดงผลการปฏิบัติงานต่อผู้บริการเพื่อประเมินผลสำเร็จของงานตามที่ได้กำหนดไว้ รวมถึงการควบคุมภายในของสินทรัพย์ต่างๆ เสนอต่อผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนว่าฐานะทางเศรษฐกิจของธุรกิจควรจะลงทุนเพิ่มหรือลดทุนลง เสนอต่อส่วนราชการตามข้อกำหนดทางกฎหมายคือกระทรวงพาณิชย์และกรมสรรพากร
โดยประเภทรายงานที่ต้องจัดทำ ประกอบด้วย
1.งบกำไรขาดทุน เป็นการรายงานผลการดำเนินงาน
2.งบดุลและงบกำไรสะสม เป็นการรายงานฐานะการเงิน
3.รายงานเกี่ยวกับสินทรัพย์ เช่น รายการเงินคงเหลือประจำงวด รายงานลูกหนี้คงเหลือ รายการเจ้าหนี้คงเหลือ รายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย
และรายงานประเภทต่างๆ ดังที่กล่างมานี้ จะต้องจัดทำตามกำหนดเวลาคือ
– งบกำไรขาดทุนและงบดุลต้องจัดทำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หลังจากปิดบัญชีประจำปี โดยต้องใช้บริการตรวจสอบบัญชีจากผู้สอบบัญชีที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการ เพื่อตรวจสอบงบการเงิน และเสนอต่อผู้ถือหุ้นภายใน 120 วัน
– รายงานเกี่ยวกับสินทรัพย์ อาจทำเป็นประจำวันหรือสรุปเป็นประจำเดือน
– รายงานภาษีซื้อ ภาษีขาย ต้องจัดทำภายในวันที่ 15 หลังจากสิ้นเดือนภาษี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบการเงินได้จากบทความ “ผลลัพธ์ของการทำบัญชี… งบการเงินคือ ??”
ข้อมูลจาก : มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สรุป
ไม่ว่าธุรกิจนำเที่ยวของคุณจะถูกจัดตั้งขึ้นในนามบุคคลธรรมดา หรือจดทะเบียนบริษัทเป็นนิติบุคคล สิ่งที่ต้องทำคือการจัดทำบัญชีธุรกิจนำเที่ยว เพื่อให้ทราบข้อมูลการดำเนินงาน ผลประกอบของกิจการ กำไร-ขาดทุน นำไปช่วยวางแผนการดำเนินกิจการในอนาคตได้ รวมถึงส่งงบการเงิน และยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง ตรงเวลา ไม่มีข้อผิดพลาดให้ต้องปวดหัวภายหลัง