ภาษีมูลค่าเพิ่มร้านทอง จะเกิดขึ้นเมื่อกิจการร้านทองมีเงินได้จากการขายสินค้า หรือให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี และต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่กรมสรรพากรภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีเงินได้เกิน 1.8 ล้านบาท
โดยการนับมูลค่าฐานภาษีจากการขายทองรูปพรรณ เพื่อจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มของร้านทองนั้น จะต้องนับเงินได้ทั้งจำนวนที่ได้รับ ไม่ใช่นับจากผลต่างหรือค่ากำเหน็จ เนื่องจากผลต่างหรือค่ากำเหน็จเป็นฐานในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วเท่านั้น ซึ่งวิธีการคำนวณ ภาษีมูลค่าเพิ่มร้านทอง สามารถแยกย่อยได้ดังนี้
หลักการคำนวณภาษีร้านทองจากฐานภาษีมูลค่าเพิ่ม
การขายทองรูปพรรณเสีย ภาษีมูลค่าเพิ่มร้านทอง จากฐานภาษีที่แตกต่างจากกิจการประเภทอื่น ซึ่งหากกิจการร้านทองประกอบธุรกิจหลายอย่าง จะทำให้มีฐานภาษีมูลค่าเพิ่มที่แตกต่างกัน ดังนี้
1.ขายทองรูปพรรณ
ขายทองรูปพรรณ การขายทองรูปพรรณเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากผลต่างระหว่างราคาขายทองรูปพรรณรวมค่ากำเหน็จ (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) หักด้วยราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณที่สมาคมค้าทองคำประกาศในแต่ละวัน
สูตรคือ (ราคาขายทองรูปพรรณรวมค่ากำเหน็จ – ราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณที่สมาคมค้าทองคำประกาศ) x 7% = VAT
2.ขายทองแท่ง
ขายทองคำแท่ง จะได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หากปฏิบัติตามเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด ซึ่งมีเงื่อนไขดังนี้
– ต้องเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
– ต้องเป็นการขายทองคำแท่งที่ยังไม่ได้ประกอบขึ้นเป็นทองรูปพรรณ
– ต้องแจ้งการประกอบกิจการค้าทองคำต่ออธิบดีกรมสรรพากร (ยื่นแบบ ภ.พ.01.3)
– ทองคำแท่งต้องมีน้ำหนักเนื้อทองไม่น้อยกว่าร้อยละ 96.5
– ผู้ขายต้องเป็นสมาชิกของสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการค้าทองคำ หรืออัญมณี สมาคมใดสมาคมหนึ่ง
3.การขายฝาก
การขายฝาก รายได้จากการขายฝาก คำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้ 2 แบบ ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในการทำสัญญาขายฝาก คือ
– กรณีมีการกำหนดราคาขายฝากไว้ในสัญญาขายฝาก สูตรคือ (มูลค่าสินไถ่ตามสัญญา – ราคาขายฝาก) x 7% = VAT
– กรณีไม่มีกำหนดราคาขายฝากไว้ในสัญญาขายฝาก สูตรคือ (มูลค่าสินไถ่ตามสัญญา – (มูลค่าสินไถ่ตามสัญญา x 85%)) x 7% = VAT
ทั้งนี้ การขายฝากต้องเป็นไปตามเงื่อนไขการขายฝากทองคำที่ได้รับสิทธิคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากผลต่างมูลค่าสินไถ่ ดังนี้
– ต้องเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
– ต้องมีใบอนุญาตค้าของเก่าตามกฎหมายว่าด้วยการค้าของเก่า
– ต้องรับขายฝากทองรูปพรรณ
4.การขายทองรูปพรรณเก่า
การขายทองรูปพรรณเก่า การขายทองรูปพรรณต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มเช่นเดียวกับการขายทองรูปพรรณใหม่
5.การขายสินค้าอื่น และการให้บริการ
การขายสินค้าอื่น และการให้บริการ ที่ไม่ได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มจากฐานภาษีทั่วไป สูตรคือ ฐานภาษี x 7% = VAT
การจัดทำใบกำกับภาษีสำหรับ ภาษีมูลค่าเพิ่มร้านทอง
สำหรับร้านทองที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มร้านทองแล้ว จะต้องอออกใบกำกับภาษีเมื่อกิจการร้านทองนำทองรูปพรรณเก่าไปแลกทองใหม่กับกิจการร้านทองที่รับซื้อ ซึ่งจะถือว่าเป็นการขายทองรูปพรรณเก่า ส่วนผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ต้องออกใบเสร็จรับเงิน หรือใบรับให้แก่กิจการร้านทองที่รับซื้อ
โดยสามารถออกใบกำกับภาษีได้ 2 รูปแบบ คือ
1.ใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป สำหรับร้านทองจะต้องระบุข้อความดังต่อไปนี้ไว้ในใบกำกับภาษี
– ราคาขายทองรูปพรรณซึ่งรวมรวมค่ากำเหน็จ
– ราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณที่สมาคมค้าทองคำประกาศ
– ผลต่างระว่างราคาขายกับราคารับซื้อคืน
– จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม
2.ใบกำกับภาษีอย่างย่อ ของกิจการร้านทอง จะต้องระบุข้อความดังต่อไปนี้ไว้ในใบกำกับภาษี
– ราคาขายทองรูปพรรณซึ่งรวมค่ากำเหน็จ
– ราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณที่สมาคมค้าทองคำประกาศ
– ผลต่างระหว่างราคาขายกับราคารับซื้อคืน
จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ทั้งนี้ กิจการร้านทองมีสิทธิ์ออกใบกำกับภาษีอย่างย่อได้ หากเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งประกอบกิจการขายสินค้าในลักษณะขายปลีก หรือการให้บริการในลักษณะบริการรายย่อยแก่บุคคลจำนวนมาก โดยเป็นกิจการค้าปลีกที่ต้องมีลักษณะหรือเงื่อนไขดังต่อไปนี้
– เป็นการขายสินค้าที่ผู้ขายทราบโดยชัดเจนว่าเป็นการขายให้กับผู้บริโภคโดยตรง และได้ขายในปริมาณซึ่งตามปกติวิสัยของผู้บริโภคนั้นจะนำสินค้าไปบริโภค หรือใช้สอยโดยไม่ได้มีวัตถุประสงค์ที่จะนำไปขายต่อ
– การให้บริการในลักษณะบริการรายย่อยแก่บุคคลจำนวนมาก
– สำหรับการขายสินค้าหรือการให้บริการทุกครั้งที่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการเรียกร้องให้ออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูป กิจการร้านทองต้องจัดทำใบกำกับภาษีและสำเนาใบกำกับภาษี (แบบเต็มรูป) พร้อมทั้งมอบใบกำกับภาษีดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการตามที่ร้องขอ
ในกรณีที่มีการออกใบรับด้วยเครื่องบันทึกการเก็บในใบกำกับภาษี ต้องมีหมายเลขลำดับของใบรับที่ออกโดยเครื่องบันทึกการเก็บเงิน ส่วนถ้าหากใช้เครื่องบันทึกการเก็บเงินออกใบกำกับภาษีด้วย ไม่ต้องระบุหมายเลขลำดับของใบรับ แต่ต้องมีเลขรหัสประจำเครื่องบันทึกการเก็บเงิน (รายละเอียดการจัดทำใบกำกับภาษี “ใบกำกับภาษี แบบเต็มรูป VS อย่างย่อ ใช้หักภาษีต่างกันอย่างไร”)
การนำใบกำกับภาษีมาใช้ประโยชน์ด้านภาษีซื้อ
หากกิจการร้านทองประกอบธุรกิจหลายประเภท ซึ่งมีทั้งรายได้ที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มร้านทอง และที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มร้านทอง สามารถนำภาษีซื้อมาใช้ประโยชน์ทางภาษีได้ โดยจะต้องเฉลี่ยภาษีซื้อตามข้อเท็จจริงของการประกอบกิจการ ซึ่งมีการเฉลี่ยภาษีซื้อตามหลักเกณฑ์ดังนี้
1.ภาษีซื้อของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยตรง ให้ถือเป็นภาษีซื้อทั้งจำนวนของกิจการประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
2.ภาษีซื้อของกิจการประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มโดยตรง ไม่นำภาษีซื้อทั้งจำนวนไปหักออกจากภาษีขาย แต่ให้นำไปรวมคำนวณเป็นมูลค่าต้นทุนทรัพย์สินหรือรายจ่ายของกิจการ
3.ภาษีซื้อที่ใช้ร่วมกันในกิจการทั้งประเภทที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้เฉลี่ยภาษีซื้อตามส่วนของรายได้ของแต่ละกิจการ
สรุป
เนื่องจากกิจการร้านทองมีการจำหน่ายสินค้าและบริการที่เกี่ยวกับทองหลายรูปแบบ ทั้งขายทองรูปพรรณ ทองแท่ง ทองรูปพรรณเก่า การฝากขาย และการขายสินค้าอื่นๆ และบริการ เป็นต้น
ดังนั้น กิจการจำเป็นต้องคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มร้านทองแตกต่างกันไป ตามประเภทการขายและบริการที่เกิดขึ้นของกิจการร้านทองนั้นๆ เพื่อนำมาลงรายการบัญชีได้ถูกต้อง และนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มได้ไม่ผิดพลาด ซึ่งอาจใช้บริการรับทำบัญชีจากสำนักงานบัญชีให้ดูแลให้ได้ เพื่อลดภาระในเรื่องของการทำบัญชีลง และได้คำปรึกษาในเรื่องของการจัดทำเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต่อกิจการร้านทองอีกด้วย