การทำธุรกิจเมื่อมาถึงจุดที่เริ่มเติบโต ย่อมต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีรายได้และรายจ่ายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จากที่เคยบริหารเพียงคนเดียวแบบบุคคลธรรมดาอาจไม่เพียงพอ ต้องหาหุ้นส่วนและทีมงานเข้ามาช่วยเสริมทัพ และการ จดทะเบียนนิติบุคคล ก็จะแวบเข้ามาในความคิดของเจ้าของธุรกิจอย่างแน่นอน
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีแนวคิดจะ จดทะเบียนนิติบุคคล เจ้าของธุรกิจต้องศึกษาข้อมูลรูปแบบนิติบุคคลเสียก่อน เพราะถึงแม้การจดทะเบียนนิติบุคคลจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากขั้นตอน การเตรียมเอกสาร และเงื่อนไขต่างๆ ค่อนข้างเยอะ ซึ่งก่อนตัดสินใจสามารถปรึกษาจากสำนักงานบัญชี หรือให้ทางสำนักงานบัญชีดำเนินการจดทะเบียนนิติบุคคลให้ ก็จะสะดวกกว่า
ทั้งนี้ การจดทะเบียนนิติบุคคลสามารถทำได้ 3 แบบ คือ
1.บริษัทจำกัด
2.ห้างหุ้นส่วนจำกัด
3.ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล
โดยแต่ละแบบมีความแตกต่างในรายละเอียดพอสมควร เจ้าของธุรกิจต้องพิจารณาแบบที่เหมาะกับธุรกิจของตนเองก่อนดังนี้
บริษัทจำกัด
บริษัทจำกัด เป็นรูปแบบที่มีผู้นิยมจดทะเบียนนิติบุคคลมากที่สุด โดยเงื่อนไขสำหรับผู้ที่ต้องการจดทะเบียนนิติบุคคลแบบ “บริษัทจำกัด” คือ
– ต้องมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป (กฎหมายใหม่ มีผลบังใช้วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566)
– แบ่งทุนออกเป็นหุ้นละเท่าๆ กัน หุ้นจะต้องมีราคาไม่น้อยกว่าหุ้นละ 5 บาท ต่อ 1 หุ้น หรือรวมแล้วทุนขั้นต่ำ 10 บาท
– ผู้ถือหุ้นทุกคนจะรับผิดชอบในหนี้สินกิจการ เฉพาะในส่วนที่ต้องชำระเงินทุนตามค่าหุ้นที่ได้จดทะเบียนไว้เท่านั้น หากชำระครบแล้ว ผู้ถือหุ้นไม่ต้องรับผิดชอบในหนี้สินที่เกิดขึ้นในกิจการอีก
– บริหารงานโดยคณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้ง
ห้างหุ้นส่วนจำกัด
ห้างหุ้นส่วนจำกัด เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการจดทะเบียนนิติบุคคล โดยเงื่อนไขสำหรับผู้ที่ต้องการจดทะเบียนนิติบุคคลแบบ “ห้างหุ้นส่วนจำกัด” คือ
– ต้องมีผู้ถือหุ้นตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
– ไม่มีกำหนดทุนขั้นต่ำ
– ผู้ถือหุ้นมี 2 แบบคือ
1) “จำกัด” ความรับผิด คือรับผิดชอบตามเงินลงทุนของตนเอง แต่จะไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจในกิจการ มีสิทธิ์เพียงสอบถามการดำเนินงานของกิจการได้
2) “ไม่จำกัด” ความรับผิด คือรับผิดชอบหนี้สินทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากกิจการ โดยมีสิทธิ์ตัดสินใจต่างๆ ในกิจการได้อย่างเต็มที่ (หุ้นส่วนผู้จัดการจะต้องเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิด)
ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล
ห้างหุ้นส่วนสามัญ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1) ห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน จัดอยู่ในรูปแบบบุคคลธรรมดา
2) ห้างหุ้นส่วนสามัญแบบจดทะเบียน เรียกว่าห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล
โดยเงื่อนไขสำหรับผู้ที่ต้องการจดทะเบียนนิติบุคคลแบบ “ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” คือ
– ไม่มีกำหนดทุนขั้นต่ำ
– ต้องร่วมกันรับผิดชอบหนี้สินของกิจการอย่างไม่จำกัด แต่หุ้นส่วนทุกคนมีสิทธิ์จัดการกับกิจการ และแบ่งปันกำไรจากกิจการได้
ความแตกต่างระหว่าง “บริษัทจำกัด – ห้างหุ้นส่วนจำกัด – ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล”
ความรับผิดชอบด้านบัญชี-ภาษีเมื่อจดทะเบียนนิติบุคคล
ในส่วนของการดำเนินกิจการตามกฎหมาย หลังจากจดทะเบียนนิติบุคคลแล้ว สำหรับ “บริษัทจำกัด – ห้างหุ้นส่วนจำกัด – ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล” จะเหมือนกันคือ
– จัดทำบัญชีรายเดือน ปิดงบการเงิน
– จัดหาบริการรับตรวจสอบงบการเงิน โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ที่เป็นอิสระไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการ
– ยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม ถ้าหากกิจการมีการจด VAT ไว้ จะต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 ทุกเดือน แม้เดือนนั้นๆ ไม่มีรายการการค้าก็ตาม
– ยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่าย นำส่งสรรพากรภายในวันที่ 7 ของทุกเดือน (แต่ถ้าหากไม่มีการหัก ณ ที่จ่าย ก็ไม่จำเป็นต้องยื่น)
– ยื่นภาษีนิติบุคคลทั้งแบบครึ่งปีและสิ้นปี โดยเสียอัตราภาษีสูงสุด 20% เท่ากันทั้ง 3 แบบ
– ยื่นประกันสังคม เมื่อกิจการได้ขึ้นทะเบียนนายจ้าง และมีพนักงานประจำ ด้วยแบบ สปส.1-10 ภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน
– ยื่นส่งงบการเงิน ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
จดทะเบียนนิติบุคคลมีดีอย่างไร
แม้ว่าความสำคัญของการเลือกจดทะเบียนนิติบุคคล อาจจะอยู่ที่การได้ประโยชน์และความคุ้มค่า ทั้งเรื่องของการดำเนินกิจการ การสร้างระบบการบริหาร ความน่าเชื่อถือ และภาษีที่ต้องเสียในอัตราที่ถูกกว่ารูปแบบบุคคลธรรมดา
กล่าวคือเมื่อจดทะเบียนนิติบุคคล จะต้องเสียภาษีตามภาษีเงินได้นิติบุคคล ถ้าเป็นกิจการทั่วไป จะเสียภาษีอยู่ในอัตรา 20% ของกำไรสุทธิที่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าหากเป็นกิจการที่มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วไม่เกิน 5,000,000 บาท และมีรายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาท จะได้รับสิทธิ์เสียภาษีในรูปแบบ SMEs ซึ่งถูกกว่า โดยสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ “แนวทางวางแผนภาษีนิติบุคคล”
แต่อย่างน้อยอย่าลืมเลือกบนพื้นฐานความพร้อมทางธุรกิจของตนเอง ความพอเหมาะที่เจ้าของธุรกิจสามารถควบคุมและบริหารจัดการต่อได้ในอนาคต